การออกเสียงภาษาอังกฤษ การลงเสียงเน้นหนักในคำ ระดับเสียงสูงต่ำในประโยคอย่างถูกต้อง
1. การออกเสียงภาษาอังกฤษ
2. การลงเสียงเน้นหนักในคำ
3. ระดับเสียงสูงต่ำในประโยคอย่างถูกต้อง
ฝึกอ่านออกเสียง ภาษาอังกฤษ
การพูดภาษาอังกฤษให้คล่องเป็นสิ่งที่คนไทยหลายๆคนพยายามฝึกฝนมาโดยตลอด
แต่การที่เราจะพูดภาษาอังกฤษได้นั้นต้องอาศัยการฝึกออกเสียงภาษาอังกฤษให้ได้เสียก่อน
ปัญหาคือ คำศัพท์ภาษาอังกฤษมีทั้งหมดประมาณ 1
ล้านกว่าคำ แล้วจะจำวิธีออกเสียงให้หมดได้ยังไงล่ะ?
คำศัพท์ ยอดนิยมที่เรามักจะอ่านออกเสียงผิดบ่อยๆ
1. คำที่ลงท้ายด้วย -tion
ออกเสียงถูก เฉิ่น
ออกเสียงผิด ชั่น
ยกตัวอย่างเช่น nation มองปุ๊บสัญชาตญาณบอกให้เราอ่านว่า
“เนชั่น” ทันที
แต่ถ้าจะออกเสียงให้เหมือนคุณฝรั่งทั้งหลาย…ก็ให้อ่านว่า
“เนเฉิ่น”
2. คำที่ลงท้ายด้วย -ing
ออกเสียงถูก อิ่ง
ออกเสียงผิด อิ้ง
อย่างคำว่า working จริงๆแล้วต้องอ่านว่า
“เวิร์คคิ่ง” ไม่ใช่
“เวิร์คกิ้ง”
3. คำที่ลงท้ายด้วย -ment
ออกเสียงถูก เหม่นท์
ออกเสียงผิด เม้นท์
คำยอดนิยมอย่าง comment มีแต่คนอ่านว่า
ออกเสียงแบบสำเนียงฝรั่งก็ให้อ่านว่า “คอม-เหม่นท์”
4. คำที่ลงท้ายด้วย -er/-or
ออกเสียงถูก เอ่อ
ออกเสียงผิด
เอ้อ, อ้อ
เช่นคำว่า teacher เราพูดกันอย่างติดปากว่า
“ทีชเช่อ” แต่จริงๆแล้วต้องอ่านว่า
“ทีชเฉ่อะ”
5. คำที่ลงท้ายด้วย -ty -ly -ry
ออกเสียงถูก ถี่ หลี่ หรี่
ออกเสียงผิด ตี้ ลี่ รี่
อย่าออกเสียงว่า ตี้ ลี่ รี่ ให้ออกเสียงว่า
ถี่ หลี่ หรี่ เช่น city ให้ออกเสียงว่า ซิถี่
นอกจากนั้นคำที่ลงท้ายด้วย y อย่าง moneyก็ให้ออกเสียงพยางค์สุดท้ายสั้นๆเป็น
มัน-นิ่ ก็พอ
https://sites.google.com/site/videotutorialenglish/kar-fuk-xan-xxk-seiyng/fuk-xan-xxk-seiyng-phasa-xangkvs
การอ่านออกเสียงต่ำภาษาอังกฤษ เน้นเสียง เน้นคำ
นอกจากการเรียนรู้ไวยากรณ์ภาษาอังกฤษแล้ว
การเรียนการออกเสียงในภาษาอังกฤษก็เป็นสิ่งสำคัญ ภาษาอังกฤษเป็นภาษาที่มี Intonation แล้ว intonation คืออะไร?
มันก็คือเสียงขึ้นลงที่เราใช้ในเวลาพูด
ถ้าสังเกตฝรั่งเวลาพูดเขาจะไม่พูดเสียงราบเรียบทั้งประโยค จะมีการขึ้น
การลงของเสียง
ซึ่งถ้าหากว่าเราอยากพูดภาษาอังกฤษให้ได้เหมือนเจ้าของภาษาเราก็ต้องมารู้จักหลักการในการออกเสียงขึ้นลงเหล่านี้
นอกจากนี้ยังช่วยในการฟังภาษาอังกฤษให้มีประสิทธิภาพมากขึ้นได้อีกด้วย
โดยปกติแล้ว รูปแบบของ intonation ในภาษาอังกฤษจะมี
2 รูปแบบหลักๆคือ
1.
falling intonation การลงเสียงต่ำ
2. rising
intonation การขึ้นเสียงสูง
1.
falling intonation ให้สังเกตคำที่ขีดเส้นใต้จะเป็นคำที่ลงเสียงต่ำ
1.1 ใช้กับประโยคที่มีใจความสมบูรณ์ธรรมดา เช่น
It was quite bad.
I want to see him again.
1.2 ใช้สำหรับคำลงท้ายของประโยคคำถามแบบ Wh-question
เช่น
What do you usually eat for
lunch?
Who is that?
What’s it?
1.3 ใช้กับประโยคคำสั่งที่เน้น เช่น
Don’t make loud
noise.
Sit down.
2. rising intonation
2.1 ใช้ลงท้ายประโยคคำถามที่เป็นแบบ yes
/ no question
Is she
a teacher?
Have you seen
him?
Can I see it?
2.2 ใช้กับประโยคบอกเล่าธรรมดาที่เราต้องการให้มันเป็นคำถาม
เช่น
You like it?
I can’t go?
2.3 ใช้ในการแสดงการทักทาย เช่น
Good Morning
Good afternoon
Good evening
2.4 เวลาต้องการเกริ่นนำก่อนเข้าเนื้อหา
เราสามารถพูดวลีที่เป็นการเกริ่นนำให้เป็นเสียงสูงได้ เช่น
As we know, Thailand is an agricultural country.
2.5 ในการพูดถึง
สิ่งของที่มีหลายอย่างเป็นหมวดหมู่
เรามักขึ้นเสียงสูงทุกคำแล้วลงเสียงต่ำที่คำสุดท้าย เช่น
I like to eat vegetables like carrot, tomato, and cabbage.
http://sarunya203.blogspot.com/2017/01/1_24.html
👏👌👍😘
ตอบลบ